ผู้ว่าฯกาญจน์ เขียนหนังสือถึง นายก อบจ. ทต. อบต.ทุกแห่ง (ผ่านนายอำเภอ) ให้ดูแลประชาชน จนกว่าสถาณการณ์ โควิด-19 จะคลี่คลาย
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 1 เมษายน 2563 นายเสกสม ลินดาพรประเสริฐ ป้องกันจังหวัดกาญจนบุรี ได้นำหนังสือเขียนด้วยลายมือนายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผวจ.กาญจนบุรี มอบนโยบายถึงนายก อบจ. ทต. อบต. จ.กาญจนบุรีทุกแห่ง ผ่านนายอำเภอ ให้ดูแลประชาชน นำมาลงเฟสบุ๊คส่วนตัว มีข้อความระบุ ขอมอบนโยบายซึ่งคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดร่วมประชุมกับคระกรรมการป้องกันหรือยับยั้งภัยพิบัติได้ประชุมและมีมติร่วมกันดังนี้ 1.เพื่อให้การดำเนินการป้องกันเชื้อโควิด -19 ตามมาตรการSocial distance โดยการให้ประชาชนเก็บตัวอยู่กับบ้านเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประชาชมไม่เดือดร้อนเนื่องจากขาดรายได้ ตกงานไม่มีเงินซื้อข้าวปลาอาหาร ฯลฯ จึงให้ท้องถิ่นดำเนินการจัดซื้อและแจกจ่ายข้าวสารอาหารแห้ง เครื่องอุปโภค บริโภคที่จำเป็น ดำเนินการแจกจ่ายให้ครัวเรือนที่อยู่เก็บตัวตามมาตรการนี้กับบ้าน และมีฐานะยากจนหรือตกงานและขาดแคลน และประงานกับผู้ใหญ่บ้านและทีมงานในหมู่บ้านในการชี้เป้าในการแจกจ่ายให้ทั่วถึงให้ผู้ขาดแคลนโดยแจกให้ถึงบ้านโดยไม่ต้องเกณฑ์คนมารับแจก 2.การดำเนินการให้พิจารณาแจกเป็นระยะๆ เดือนละ 2 ครั้ง ต่อครัวเรือนหรือจุดที่เดือดร้อน โดยห่วงแรกให้แจกในห่วง 2-10 เมษายน นี้ และห่วงต่อไปในช่วง 16-29 เมษายน และเป็นเช่นนี้จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย 3.ท้องถิ่นใดฐานะทางการคลังฯไม่เพียงพอให้ร้องขอมายังจังหวัด ซึ่งจังหวัดอาจใช้งบทดรองราชการช่วยเหลือเพิ่มเติมในส่วนที่ยังขาด 4.ในวันพรุ่งนี้ (2 เม.ย.) ผม ท่านรองผู้ว่า รอง ผอ.รมน. ปจ. จะร่วมกันไป Kiek off ถึงอำเภอของท่าน (ให้ประสานงานกับหัวหน้าสำนักงานจังหวัดกาญจนบุรี ลงชื่อ จีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผวจ.กจ. (1 เม.ย.63)
ขณะที่ นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผวจ.กาญจนบุรี ได้โพสต์ผ่านเฟสบุ๊กส่วนตัว ชื่อ Jirkiat Bhumisawasddi โดยระบุข้อความว่า “พรุ่งนี้ 2-10 เมษายน เป็นต้นไปจังหวัดกาญจนบุรีร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สำนักงานเหล่ากาชาด และนายอำเภอทั่วทั้งจังหวัดเปิดยุทธการแจกข้าวสารอาหารแห้งและของใช้แก่ประชาชนที่เก็บตัวอยู่กับบ้าน และขาดแคลนอาหารผมได้ให้นโยบายไปแล้วครับว่าให้สแกนให้ครบถ้วนทุกครัวเรือนที่ประสบปัญหาครับ โดยการแจกเริ่มตั้งแต่วันที่2เมษายนและไปเรื่อยๆจนครบถ้วนภายในวันที่10เมษายน และท้องถิ่นจะแจกให้ถึงบ้านเลยครับโดยที่ผู้ได้รับความเดือดร้อนรอรับอยู่กับบ้านไม่ต้องเดินทางออกมารับที่ใด ทั้งนี้เป็นการเสริมมาตรการ"เก็บตัวอยู่กับบ้าน"ครับ