ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่เปี่ยมด้วยคุณค่าทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม โดยมี พระราชวิสุทธาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดพระแท่นดงรังวรวิหาร นางสาวพรพรรณ กลิ่นเกษร วัฒนธรรมจังหวัดกาญจนบุรี นายทวีป พัฒนมาศ  ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดกาญจนบุรี พ.ต.อ.จอมพล รุจิรดำรงค์ชัย ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรท่าเรือนางมงคลทิพย์ รุ่งงามฤกษ์ ผู้อำนวยการสถาบันวัฒนธรรมศึกษา พร้อมด้วยพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ร่วมงานให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น

นางสาวพลอย ธนิกุล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงวัฒนธรรม เปิดเผยว่า “เทศกาลสงกรานต์ เป็นช่วงเวลาอันทรงคุณค่าที่สะท้อนความงดงามของวัฒนธรรมไทย ทั้งด้านศาสนา ความกตัญญู และความสามัคคีในชุมชน”กระทรวงวัฒนธรรมให้ความสำคัญกับการส่งเสริมประเพณีไทย โดยเฉพาะการเชื่อมโยงความศรัทธากับวิถีชีวิต เพื่อปลูกฝังความภาคภูมิใจในรากเหง้า และส่งต่อคุณค่าทางวัฒนธรรมสู่คนรุ่นใหม่อย่างยั่งยืน

อีกทั้งยังขับเคลื่อนศิลปะ วัฒนธรรม อาหารไทย และการแสดงบนเวทีนานาชาติ เพื่อผลักดัน Soft Power ตามนโยบายรัฐบาลด้าน Creative Culture และเศรษฐกิจสร้างสรรค์ โดยใช้ประเพณีสงกรานต์ในประเทศไทยซึ่งยูเนสโกเพิ่งขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ (ICH) เมื่อปลายปี 2566 เป็นหัวใจสำคัญในการเผยแพร่วัฒนธรรมไทยสู่สายตาชาวโลก ซึ่งจังหวัดกาญจนบุรีถือเป็นหนึ่งใน 12 เมืองท่องเที่ยวที่มีวัฒนธรรมประเพณีงดงามและน่าประทับใจ

ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงวัฒนธรรม  กล่าวว่า  สำหรับทั้งนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติ โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ได้สนับสนุนการจัดงานประเพณีสงกรานต์ ประจำปี 2568 ภายใต้แนวคิด สงกรานต์บ้านฉัน สีสันแบบไทย สุขไกลทั่วโลก (Once in a Lifetime Experience) ภายใต้กรอบแนวทาง 4มิติ ได้แก่ มิติด้านวัฒนธรรม มิติด้านเศรษฐกิจ มิติด้านสังคม และมิติด้านสิ่งแวดล้อม ใน 5 เมืองอัตลักษณ์ 12 เมืองน่าเที่ยว และกรุงเทพมหานคร และ 17มาตรการรณรงค์ทั่วประเทศ

สำหรับกิจกรรมไฮไลต์ภายในงาน อาทิ พิธีแห่ผ้าห่มพระแท่น ที่สะท้อนพลังศรัทธาต่อพระพุทธศาสนา การแสดง “รำนิราศพระแท่น” และ “รำนาฏศิลป์” ที่ถ่ายทอดอัตลักษณ์ท้องถิ่นอย่างงดงาม รวมถึงกิจกรรมสรงน้ำพระและรดน้ำขอพรผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นหัวใจของประเพณีไทยที่สื่อถึงความเคารพและความกตัญญูอย่างลึกซึ้ง ทั้งนี้ การจัดงานดังกล่าว ไม่เพียงเป็นการอนุรักษ์และสืบสานประเพณีไทยเท่านั้น

แต่ยังเป็นเวทีสำคัญในการแสดงออกถึงอัตลักษณ์ท้องถิ่นและพลังความร่วมมือของภาครัฐ ภาคประชาชน และเครือข่ายวัฒนธรรมในพื้นที่ ที่ร่วมกันสร้างสรรค์กิจกรรมให้น่าสนใจและเปี่ยมความหมาย

นางสาวพลอย ธนิกุล กล่าวอีกว่า  กิจกรรมในครั้งนี้ยังมีส่วนช่วยเสริมสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างชุมชนและนักท่องเที่ยว ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก และสะท้อนให้เห็นถึงพลังของวัฒนธรรมไทยในการขับเคลื่อนประเทศ ผ่านมิติเชิงวัฒนธรรมอย่างแท้จริง

และกระทรวงวัฒนธรรมยังคงเดินหน้าเผยแพร่วัฒนธรรมไทยในทุกมิติ ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อให้วัฒนธรรมไทยเข้าถึงใจคนทั่วโลก และเป็นพลังสำคัญในการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน.