เมื่อเวลา 16.00 น. (25 ส.ค.63) พลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานแถลงข่าวการจับกุมขบวนการลักลอบขนยาเสพติดรายใหญ่ ในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี ณบริเวณด้านหน้าสถานีตำรวจภูธรทองผาภูมิ โดยการจับกุมดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 22.00 นาฬิกา คืนวันที่ 24 สิงหาคม 2563 ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรทองผาภูมิ ดำเนินการตั้งจุดตรวจจุดสกัด ร่วมกับทหารหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กองกำลังสุรสีห์ ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 135 และฝ่ายปกครองอำเภอทองผาภูมิ ที่บริเวณจุดตรวจร่วมสามแยกทองผาภูมิ อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ขณะที่ นายศักดิ์ชัย แกรอด อายุ 59 ปี ชาวจังหวัดราชบุรี ได้ขับรถบรรทุกกึ่งพ่วง 12 ล้อ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว หมายเลขทะเบียน 72-5155 นครปฐม มาตามถนนสายสังขละบุรี-ทองผาภูมิ ผ่านบริเวณจุดตรวจร่วมสามแยกทองผาภูมิ เจ้าหน้าที่ซึ่งอยู่ประจำจุด ได้เรียกรถคันดังกล่าวให้หยุดเพื่อทำการตรวจสอบ ก่อนที่จะจำได้ว่า ก่อนหน้านี้ นายศักดิ์ชัย ได้ขับรถยนต์เก๋ง โตโยต้า สีขาว หมายเลขทะเบียน กบ 303 ราชบุรี ผ่านจุดตรวจร่วมสามแยกทองผาภูมิ มุ่งหน้าขึ้นไปที่อำเภอสังขละบุรี แต่กลับขับรถ บรรทุกกึ่งพ่วง 12 ล้อ กลับลงมาจากตัวอำเภอสังขละบุรีมุ่งหน้าเข้าตัวเมืองกาญจนบุรี จึงน่าสงสัยว่าอาจจะมีการลักลอบขนสิ่งของผิดกฎหมายมาภายในรถคันดังกล่าว เมื่อทำการเรียกตรวจค้น พบว่ารถคันดังกล่าว ได้มีการดัดแปลงพื้นกระบะให้กลายเป็นช่องเก็บของลับ ภายในซุกซ่อนยาเสพติดซึ่งบรรจุในห่อชาเอาไว้เป็นอย่างดีจำนวนมาก เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการ นำยาเสพติดดังกล่าวออกมาตรวจสอบ พบว่า ประกอบด้วย ยาไอซ์จำนวน 1,385 ห่อ น้ำหนักรวม 1,385 กิโลกรัม เฮโรอีน 10 ห่อ น้ำหนักรวม 77 กิโลกรัม เคตามีนจำนวน 500 ห่อ น้ำหนัก 500 กิโลกรัม เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวนายศักดิ์ชัยมาสอบปากคำเพิ่มเติมที่สถานีตำรวจภูธรทองผาภูมิ จากการสอบสวน นายศักดิ์ชัยให้การรับสารภาพว่า ได้รับการว่าจ้าง ให้ขับรถยนต์เก๋งขึ้นมาพักค้างคืนที่รีสอร์ทในพื้นที่ด่านเจดีย์สามองค์ อำเภอสังขละบุรี เพื่อรอที่จะขับรถบรรทุกกึ่งพ่วง 12 ล้อคันดังกล่าว ออกจากบริเวณด่านเจดีย์สามองค์มุ่งหน้าไปยังจังหวัดนครปฐมเพื่อนำไปส่งให้กับลูกค้า โดยได้รับการว่าจ้างมาในราคาเที่ยวละ 150,000 บาท สำหรับการจับกุมยาเสพติดในครั้งนี้ ถือเป็นการจับกุมยาเสพติดครั้งใหญ่ที่สุดในจังหวัดกาญจนบุรี ที่ไม่เคยมีการตรวจยึดยาเสพติดได้มากเท่านี้มาก่อน มูลค่าของยาเสพติดทั้งหมดคาดว่าน่าจะไม่ต่ำกว่าหนึ่งพันหกร้อยล้านบาท โดยสาเหตุที่มีการลักลอบขนยาเสพติดจำนวนมหาศาลในครั้งนี้ น่าจะเป็นผลมาจากการเข้มงวดตรวจจับการลักลอบขนยาเสพติดของเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายทำให้มีความต้องการยาเสพติดในตลาดเป็นจำนวนมากยิ่งขึ้น เส้นทางกลุ่มผู้ค้าจึงได้ทำการลักลอบขนยาเสพติดล็อตใหญ่เพื่อนำไปส่งให้กับลูกค้าที่กำลังมีความต้องการเป็นอย่างมาก
ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินคดีกับนายศักดิ์ชัยในความผิดฐานมียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 ยาไอซ์และเฮโรอีน ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย และข้อหามียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 2 เคตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมายก่อนจะขยายผลเพื่อหาเพื่อนร่วมขบวนการรวมถึงผู้ว่าจ้างมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ภูริตา สายแก้ว/รายงาน