เมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 3 เมษายน 2563 พล.ต.ต.อาทิชา เปาอินทร์ รองผู้บัญชาการภาค 7 เดินทางมาเป็นประธานในพิธีปล่อยแถวระดมกำลังการปฏิบัติตามข้อกำหนด ห้ามบุคคลใดทั่วราชอาราจักรออกนอกเคหสถาน ตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์การฉุกเฉิน พ.ศ.2548 พล.ต.ต.วรณัน สุขเจริญ ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พร้อมด้วย พ.ต.อ.พงษกร อุปพงษ์ รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.อ.วุฒิพงษ์ เย็นจิตต์ รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี ร้อยโททศพล ไชยโกมินทร์ รอง ผวจ.กาญจนบุรี ให้การต้อนรับ พ.ต.อ.ภัทรชัย ก่อสนาน ผู้กำกับการฝ่ายอำนวยการ ภ.จว.กาญจนบุรี รายงานวัตถุประสงค์การปล่อยแถว ข้าราชการตำรวจ จนท.อส. ร่วมพิธีฯ ที่บริเวณหน้าศาลาขุนแผน อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี
พ.ต.อ.ภัทรชัย ก่อสนาน ผู้กำกับการฝ่ายอำนวยการ ภ.จว.กาญจนบุรี เปิดเผยว่า ด้วยนายกรัฐมนตรี ได้ออกข้อกำหนดตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ฉบับที่ 2 เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2563 โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน 2563 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง และสภาพปัญหาเศรษฐกิจทำให้เกิดอัตราการว่างงาน ส่งผลต่อแนวโน้มของการเกิดอาชญากรรมที่เพิ่มมากขึ้น ดังนั้นเพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ตัดช่องโอกาสในการกระทำความผิดของมิจฉาชีพและผู้ไม่หวังดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาชญากรรมที่กระทบต่อชีวิตประจำวันของประชาชนและให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับข้อกฎหมายและข้อกำหนดในการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน จึงได้กำหนดให้มีการปล่อยแถวป้องกันอาชญากรรมและประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับกฎหมายที่ให้แก่ประชาชนได้รับทราบและถือปฏิบัติ.
พล.ต.ต.อาทิชา เปาอินทร์ รอง ผบช.ภ.7 กล่าวว่า การปล่อยแถวฯ ในครั้งนี้ เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นในความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้คำแนะนำกับประชาชน เรื่องสุขภาพ อนามัยตาม แนวทางของรัฐบาล และปฏิบัติตัวตามแนวทางป้องกันการแพร่ระบาดของโรค อีกทั้งเป็นการประชาสัมพันธ์ข้อกฎหมายและข้อปฏิบัติ เพื่อให้ประชาชนไม่ฝ่าฝืนข้อกำหนดประกาศ หรือคำสั่งตามพระราชกำหนดการบริหารราชการ ในสถานการณ์ฉุกเฉินที่จะมีผลตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน 2563 เป็นต้นไป โดยข้อกำหนดนี้ มีความสำคัญในการห้ามบุคคลทั่วราชอาณาจักรออกนอกเคหสถานระหว่าง ตั้งแต่เวลา 22.00 น.ถึง เวลา 04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น เว้นแต่มีความจำเป็นหรือเป็นผู้ปฏิบัติงานเฉพาะด้านตามที่ข้อกำหนดไว้หรือเป็นเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานตามที่กำหนดประกาศหรือคำสั่งต่างๆของทางราชการหรือไม่มีเหตุจำเป็นโดยได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่
รอง ผบช.ภ.7 กล่าวอีกว่า ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกหน่วย ที่ทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจ ขอให้เจ้าหน้าที่ทุกนายใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ในการป้องกันตนเอง สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ และรักษาระยะห่างระหว่างบุคคลในการปฏิบัติงาน เพื่อป้องกันการติดเชื้อและขอให้ปฏิบัติภารกิจครั้งนี้สำเร็จลุล่วงตามวัตถุประสงค์ในการบังคับใช้กฎหมายอย่างเฉียบขาดให้เป็นไปตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินความผิดตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อพระราชบัญญัติว่า ด้วยราคาสินค้าและบริการ และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นการป้องกันอาชญากรรมโดยเฉพาะการบิดเบือนข้อมูล การหลอกลวง การกักตุนสินค้า การขายสินค้าเกินราคาหรือสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน เพื่อไม่ให้เป็นการซ้ำเติมประชาชนโดยให้นำมาตรการเข้มของตำรวจมาปรับใช้ เช่นการปรับจุดตรวจในการควบคุมการเดินทางข้ามจังหวัดเท่าที่จำเป็น การเพิ่มจุดตรวจร่วม มีชุดเคลื่อนที่เร็วทุกพื้นที่ มีชุดสายตรวจกระจายตามหมู่บ้านและตำบล ร่วมกับหน่วยงานสาธารณสุข ช่วยเหลือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขคัดกรองคน และประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง.